เกจวัดแรงดันเป็นอุปกรณ์สำคัญในการวัดและตรวจสอบความดันในอุตสาหกรรมและการใช้งานต่างๆ ประเภทของเกจวัดแรงดันมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละชนิดมีหลักการทำงานและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ในบทความนี้ เราจะทำความรู้จักเกจวัดแรงดันแต่ละประเภท ทั้งเกจแบบท่อบอร์ดอน เกจดาฟแรม เกจแบบไดอะเฟรม รวมถึงเกจวัดความดันสูงและต่ำ เกจดิจิตอลและแบบอนาล็อก ตลอดจนวัสดุที่ใช้ในการผลิต เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้เกจวัดแรงดันได้อย่างเหมาะสมกับงานและสภาพการใช้งาน
สาระสำคัญ
- เกจวัดแรงดันมีหลากหลายประเภท แต่ละชนิดมีหลักการทำงานและคุณสมบัติแตกต่างกัน
- เกจวัดแรงดันเป็นอุปกรณ์สำคัญในการตรวจสอบและควบคุมความดันในอุตสาหกรรมและการใช้งานต่างๆ
- การเลือกใช้เกจวัดแรงดันต้องคำนึงถึงประเภทของของไหลและช่วงแรงดันที่ต้องการวัด
- เกจวัดแรงดันมีทั้งแบบดิจิตอลและแบบอนาล็อก ผลิตจากวัสดุทั้งพลาสติกและโลหะ
- การเลือกใช้และการบำรุงรักษาเกจวัดแรงดันอย่างถูกต้องสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ความหมายของเกจวัดแรงดัน
เกจวัดแรงดัน คือ เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวัดและแสดงค่าของแรงดันหรือความดันที่เกิดขึ้นในระบบ ไม่ว่าจะเป็นของเหลวหรือก๊าซ เป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมและตรวจสอบสภาวะการทำงานของระบบต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบเหล่านั้นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ทำไมต้องมีการวัดแรงดัน
การวัดค่าการวัดแรงดันเป็นสิ่งจำเป็นในการตรวจสอบและควบคุมกระบวนการผลิตและการดำเนินงานของระบบ โดยช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถรับรู้ถึงสภาพการทำงานที่แท้จริงของระบบและสามารถป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เช่น การควบคุมแรงดันในการทำงานของปั๊มสูบ การตรวจสอบความผิดปกติของเครื่องจักร หรือการตรวจวัดประสิทธิภาพของระบบไฮดรอลิก เป็นต้น
ประโยชน์ของการวัดแรงดัน
- ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมกระบวนการผลิตและดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ
- ช่วยตรวจสอบและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานของระบบ
- ช่วยในการวิเคราะห์และตรวจสอบสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบ
- ช่วยในการบำรุงรักษาและเพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการวัดความสำคัญของการวัดแรงดันมีความสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมและดูแลระบบต่างๆ ให้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
หลักการทำงานของเกจวัดแรงดัน
เกจวัดแรงดันใช้หลักการตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงของแรงดันที่เกิดขึ้น เพื่อแสดงค่าแรงดันได้อย่างถูกต้อง โดยใช้ส่วนประกอบหลักเช่น ท่อบอร์ดอน, ไดอะเฟรม หรือ เซนเซอร์ดิจิตอล ในการแปลงค่าแรงดันเป็นสัญญาณวัดที่สามารถอ่านค่าได้
ท่อบอร์ดอนเป็นชิ้นส่วนหลักที่ใช้ในเกจวัดแรงดันแบบอนาล็อก โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างเมื่อได้รับแรงดันเข้ามา ซึ่งจะส่งผลให้เข็มของเกจเคลื่อนที่ไปตามการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของท่อ
ในขณะที่เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอลจะใช้ เซนเซอร์ดิจิตอล ในการแปลงค่าแรงดันให้เป็นสัญญาณดิจิตอล ซึ่งจะแสดงค่าบนจอแสดงผลได้โดยตรง โดยไม่ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของชิ้นส่วนกลไก
“เกจวัดแรงดันทำงานโดยการแปลงค่าแรงดันเป็นสัญญาณวัด เพื่อให้สามารถแสดงค่าได้อย่างถูกต้อง”
นอกจากนี้ เกจวัดแรงดันแบบ ไดอะเฟรม ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นิยมใช้ในการวัดแรงดัน โดยใช้หลักการเคลื่อนที่ของแผ่นไดอะเฟรมเพื่อสร้างสัญญาณที่สามารถแสดงค่าแรงดันได้
ดังนั้น หลักการทำงานของเกจวัดแรงดันจึงขึ้นอยู่กับชนิดของชิ้นส่วนประกอบหลัก ไม่ว่าจะเป็นท่อบอร์ดอน ไดอะเฟรม หรือเซนเซอร์ดิจิตอล ซึ่งจะแปลงค่าแรงดันที่ได้รับให้เป็นสัญญาณที่สามารถแสดงค่าได้อย่างถูกต้อง
ประเภทของเกจวัดแรงดันที่นิยมใช้
เกจวัดแรงดันมีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ โดยแต่ละแบบจะมีโครงสร้างและหลักการทำงานที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของของไหลที่ต้องการวัด และช่วงความดันที่ต้องการวัดนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ เกจแบบท่อบอร์ดอน, เกจดาฟแรม และ เกจแบบไดอะเฟรม
เกจแบบท่อบอร์ดอน
เกจแบบท่อบอร์ดอนเป็นเกจที่ใช้งานอย่างแพร่หลายสำหรับการวัดความดัน เนื่องจากมีโครงสร้างที่เรียบง่าย แข็งแรง และมีความแม่นยำสูง โดยจะใช้การหมุนของท่อบอร์ดอนภายในเกจเพื่อแสดงค่าความดัน
เกจดาฟแรม
เกจดาฟแรมเป็นอีกหนึ่งแบบที่นิยมใช้ในการวัดความดัน โดยจะใช้แผ่นดาฟแรมบางๆ เป็นตัวตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของความดัน และแปลงสัญญาณเป็นการเคลื่อนที่ของเข็มหรือการแสดงผลบนจอแสดงผล
เกจแบบไดอะเฟรม
เกจแบบไดอะเฟรมใช้หลักการทำงานคล้ายกับเกจดาฟแรม แต่จะใช้แผ่นไดอะเฟรมขนาดเล็กที่มีความไวต่อการเปลี่ยนแปรของความดันมากกว่า โดยนำมาจับคู่กับระบบการวัดและแสดงผล เพื่อให้สามารถวัดความดันได้แม่นยำและละเอียดมากยิ่งขึ้น
“เกจวัดแรงดันมีความสำคัญอย่างมากในอุตสาหกรรมและระบบวิศวกรรมต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงค่าความดันขณะปฏิบัติงาน”
เกจวัดแรงดันมีกี่ประเภท
เกจวัดแรงดันมีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้งาน ทั้งแบบอนาล็อกและแบบดิจิตอล แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกัน ผู้ใช้งานจึงควรพิจารณาเลือกใช้เกจวัดแรงดันที่เหมาะสมกับความต้องการของตน
เกจวัดแรงดันแบ่งออกเป็นหลักๆ ดังนี้:
- เกจวัดแรงดันแบบอนาล็อก – มีการแสดงผลโดยใช้เข็มบอกค่าบนหน้าปัด เป็นแบบที่คุ้นเคยและมีการใช้งานมานาน เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป
- เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล – มีการแสดงผลด้วยตัวเลขบนจอแสดงผล มีความแม่นยำและความละเอียดสูง เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำสูง
นอกจากนี้ ประเภทเกจวัดแรงดัน ยังสามารถแบ่งออกตามลักษณะการทำงานและวัสดุที่ใช้ในการผลิต เช่น เกจวัดแรงดันแบบท่อบอร์ดอน เกจวัดแรงดันแบบไดอะเฟรม และเกจวัดแรงดันแบบพลาสติก เป็นต้น
ประเภท | คุณลักษณะ | ข้อดี | ข้อจำกัด |
---|---|---|---|
เกจวัดแรงดันแบบอนาล็อก | แสดงผลด้วยเข็มบอกค่า | ราคาถูก ง่ายต่อการใช้งาน | ความแม่นยำต่ำกว่าดิจิตอล |
เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล | แสดงผลด้วยตัวเลขบนจอ | ความแม่นยำสูง อ่านค่าได้ชัดเจน | ราคาสูงกว่าแบบอนาล็อก |
เกจวัดแรงดันแต่ละประเภทจะมีความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกัน ผู้ใช้งานควรศึกษาและเลือกใช้เกจวัดแรงดันที่ตรงกับความต้องการของตน เพื่อให้ได้ผลการวัดที่มีความแม่นยำและเหมาะสมที่สุด
วิธีการเลือกใช้เกจวัดแรงดันให้เหมาะสม
การเลือกใช้เกจวัดแรงดันที่เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งสำคัญ โดยควรพิจารณาจากลักษณะของของไหลที่ต้องการวัด เช่น ประเภท ความเข้มข้น อุณหภูมิ รวมทั้งช่วงของแรงดันที่ต้องการวัด เพื่อให้ได้ผลการวัดที่แม่นยำและปลอดภัย
การเลือกเกจตามประเภทของของไหล
ประเภทของของไหลที่ต้องการวัดแรงดันเป็นปัจจัยสำคัญ ต้องเลือกเกจที่เหมาะสมกับลักษณะของของไหล เช่น ของไหลที่มีความเข้มข้นสูง ของไหลที่มีอุณหภูมิสูง หรือของไหลที่มีสภาพกัดกร่อนสูง การเลือกใช้เกจที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลเสียต่อเกจวัดแรงดันได้
การเลือกเกจตามช่วงแรงดันที่ต้องการวัด
นอกจากประเภทของของไหลแล้ว ช่วงแรงดันที่ต้องการวัดก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง การเลือกเกจที่มีช่วงการวัดความดันไม่เหมาะสมกับค่าที่ต้องการวัด อาจทำให้ได้ผลการวัดที่ไม่แม่นยำ ดังนั้น จึงควรเลือกเกจที่มีช่วงการวัดครอบคลุมค่าแรงดันที่ต้องการวัด
ประเภทของของไหล | ช่วงแรงดันที่เหมาะสม |
---|---|
ของไหลทั่วไป | 0-10 bar |
ของไหลที่มีความเข้มข้นสูง | 0-100 bar |
ของไหลที่มีอุณหภูมิสูง | 0-400 bar |
การเลือกใช้เกจวัดแรงดันที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ผลการวัดที่แม่นยำ ปลอดภัย และสอดคล้องกับความต้องการใช้งาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารจัดการระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวัดและควบคุมแรงดัน
เกจวัดความดันสูงและความดันต่ำ
เกจวัดแรงดันมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น เกจวัดความดันสูง หรือ เกจวัดความดันต่ำ ความแตกต่างที่สำคัญ คือ ช่วงการวัดและส่วนประกอบภายในของแต่ละประเภท เพื่อให้สามารถวัดค่าความดันได้ครอบคลุมทุกระดับ ตั้งแต่ความดันสูงจนถึงความดันต่ำ
เกจวัดความดันสูง มักใช้สำหรับวัดความดันที่สูงกว่าค่าปกติ เช่น ในอุตสาหกรรมหรืองานวิศวกรรม ในขณะที่ เกจวัดความดันต่ำ จะใช้สำหรับวัดความดันที่ต่ำกว่าค่าปกติ เช่น ความดันในระบบสุญญากาศ หรือในระบบปรับอากาศ
การเลือกใช้เกจวัดแรงดันจึงขึ้นอยู่กับความต้องการวัดค่าความดัน โดยผู้ใช้งานต้องทราบช่วงความดันที่ต้องการวัด เพื่อเลือกใช้เกจวัดแรงดันที่เหมาะสมและมีความแม่นยำสูง ทั้งนี้ การดูแลรักษาและการบำรุงรักษาเกจวัดแรงดันก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน
ข้อควรระวังในการใช้งานเกจวัดแรงดัน
การใช้งานเกจวัดแรงดันต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพื่อป้องกันความเสียหายและให้อุปกรณ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อควรระวังสำคัญในการใช้งานเกจวัดแรงดัน ได้แก่:
- ห้ามกระแทกหรือทำให้เกจตกหล่น เนื่องจากอาจทำให้เกจเสียหายและปฏิบัติงานไม่ถูกต้อง
- ต้องทำความสะอาดเกจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกเข้าไปและมีผลต่อการวัดค่า
- ต้องตรวจสอบสภาพและทำการสอบเทียบเกจ ตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าเกจวัดค่าได้อย่างถูกต้อง
การบำรุงรักษาเกจวัดแรงดัน
นอกจากการใช้งานอย่างระมัดระวังแล้ว การบำรุงรักษาเกจวัดแรงดันอย่างสม่ำเสมอก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เกจสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน และให้ผลการวัดที่แม่นยำ ขั้นตอนการบำรุงรักษาที่สำคัญ ได้แก่:
- ทำความสะอาดเกจอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้ผ้านุ่มเช็ดทำความสะอาดตัวเกจ
- ตรวจสอบสายต่อพ่วงและข้อต่อต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพดี ไม่มีความเสียหาย
- ทำการสอบเทียบเกจตามช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าเกจวัดค่าได้อย่างแม่นยำ
- เก็บรักษาเกจในสถานที่ที่ปลอดภัย ไม่ถูกกระแทกหรือสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
การปฏิบัติตามข้อควรระวังและการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม จะช่วยให้เกจวัดแรงดันสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวัดและควบคุมกระบวนการทางอุตสาหกรรม ข้อควรระวังการใช้งานเกจวัดแรงดัน และ การบำรุงรักษาเกจวัดแรงดัน จึงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างยิ่ง.
เกจวัดแรงดันดิจิตอลและเกจแบบอนาล็อก
เกจวัดแรงดันเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในอุตสาหกรรม โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ เกจวัดแรงดันดิจิตอล และ เกจวัดแรงดันอนาล็อก แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ผู้ใช้งานจึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับงานที่ต้องการใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์นี้อย่างสูงสุด
เกจวัดแรงดันดิจิตอล เป็นแบบที่อ่านค่าได้แม่นยำกว่า แต่ราคาก็สูงกว่า ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์หรืออุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนที่มีความละเอียดสูง
ขณะที่ เกจวัดแรงดันอนาล็อก จะมีราคาถูกกว่า แต่อาจอ่านค่าได้ไม่ละเอียดเท่าเกจดิจิตอล ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความละเอียดสูง เช่น การวัดความดันในท่อต่าง ๆ หรือการตรวจสอบความดันในงานก่อสร้าง
ดังนั้น ผู้ใช้งานจึงต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมของเกจวัดแรงดันทั้ง 2 ประเภทว่าสอดคล้องกับลักษณะงานและงบประมาณที่มีอยู่ เพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่ตรงกับความต้องการใช้งานมากที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีข้อควรพิจารณาอื่น ๆ เกี่ยวกับเกจวัดแรงดันทั้ง 2 ประเภท เช่น ความทนทานต่อสภาพแวดล้อม การบำรุงรักษา และความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสมกับงานในที่สุด
วัสดุที่ใช้ผลิตเกจวัดแรงดัน
เกจวัดแรงดันเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในการตรวจสอบและควบคุมระดับความดันของของเหลวหรือก๊าซ โดยวัสดุที่ใช้ในการผลิตเกจวัดแรงดันนั้นมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์การใช้งาน งบประมาณ และความต้องการด้านคุณสมบัติของอุปกรณ์
เกจแบบพลาสติก
เกจวัดแรงดันแบบพลาสติกเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและราคาถูก ทำให้มีความเหมาะสมในการติดตั้งและใช้งานในพื้นที่ที่จำกัด เกจแบบพลาสติกจึงเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมและงานซ่อมบำรุงทั่วไป
เกจโลหะ
ในขณะที่เกจแบบโลหะจะมีความแข็งแรงและทนทานมากกว่า ด้วยความเสถียรในการวัดและการใช้งานที่ยาวนานกว่าเกจแบบพลาสติก เกจโลหะจึงเหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง หรือต้องการความแม่นยำสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่อื่นๆ ที่มีความเสี่ยงสูง
ดังนั้น การเลือกใช้เกจวัดแรงดันที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ เช่น งบประมาณ สภาพแวดล้อมการใช้งาน และความเที่ยงตรงในการวัด เพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่ตรงตามความต้องการและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การประยุกต์ใช้งานเกจวัดแรงดัน
เกจวัดแรงดันเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญและถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเครื่องจักร อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมการแพทย์ การเลือกใช้เกจวัดแรงดันให้เหมาะสมกับงานที่ต้องการวัดเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ได้ผลการวัดที่มีความถูกต้องและปลอดภัย
อุตสาหกรรมเครื่องจักร
ในอุตสาหกรรมเครื่องจักร เกจวัดแรงดันถูกนำมาใช้ในการตรวจสอบและควบคุมแรงดันในระบบอากาศอัด ระบบไฮดรอลิก และระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานเครื่องจักร เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องจักรทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
อุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เกจวัดแรงดันถูกใช้ในการตรวจสอบและควบคุมแรงดันของก๊าซและของเหลวในกระบวนการผลิต เช่น การตรวจสอบแรงดันในถังเก็บและระบบท่อส่ง เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างปลอดภัย
อุตสาหกรรมก่อสร้าง
ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เกจวัดแรงดันถูกใช้ในการตรวจสอบแรงดันในระบบท่อ ระบบไฮโดรลิก และระบบอัดอากาศ เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งก่อสร้างมีความแข็งแรงและปลอดภัย
อุตสาหกรรมการแพทย์
ในอุตสาหกรรมการแพทย์ เกจวัดแรงดันถูกนำมาใช้ในการตรวจวัดแรงดันโลหิต และการวัดความดันในระบบทางเดินหายใจของผู้ป่วย เพื่อให้แพทย์สามารถติดตามและจัดการกับสภาวะสุขภาพของผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที
การเลือกใช้เกจวัดแรงดันที่เหมาะสมสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมนั้นมีความสำคัญ เพื่อให้ได้ผลการวัดที่แม่นยำและปลอดภัย ซึ่งจะช่วยให้การทำงานในแต่ละอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
เกจวัดแรงดันเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในการตรวจวัดระดับความดันของของไหลและก๊าซ ซึ่งมีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ทั้งด้านสภาพของของไหล ช่วงความดันที่ต้องการวัด และเทคโนโลยีการแสดงผล การเลือกใช้เกจวัดแรงดันที่เหมาะสม จะช่วยให้การวัดมีความแม่นยำและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
โดยสรุป เกจวัดแรงดัน มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบและควบคุมระดับความดันของของไหลและก๊าซ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้อย่างเหมาะสมตามลักษณะการใช้งาน เพื่อให้ได้ผลการวัดที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ดังนั้น การมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ เกจวัดแรงดัน จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับงานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย